ก่อนอื่นขออธิบายถึงความแตกต่างของ 2 ชนิดนี้ก่อน Pigment เป็นลักษณะที่เป็นผง ซึ่งในขั้นตอนของการผสมเพื่อใช้งานนั้น ต้องชั่งน้ำหนักตามสัดส่วน และเทผสมในเม็ดพลาสติกที่จะใช้ เขย่าให้กระจายทั่วถึงพลาสติกก่อนที่จะนำพลาสติกนั้นไปใช้งานไม่ว่าจะเป็นการเป่าหรือฉีด ส่วนของการcompound ใช้ได้ 2 แบบ คือ ผสมสีแล้วตัดเป็นเม็ดเลย หรือทำเป็นเม็ดสีเข้มข้น (Color Master Batch) คือผสมpigment หรือสารเติมแต่งอื่นๆลง ในพลาสติก แล้วตัดเป็นเม็ด ซึ่งสำหรับ Master Batch นั้นตัวพลาสติกที่ใช้นั้นต้องไหลได้ดี หรืออาจมีการใส่สาร dispersing agent เพื่อให้มีการกระจายตัวในเนื้อพลาสติก เมื่อนำไปใช้ได้ดียิ่งขึ้น
ข้อแตกต่างจากการใช้ทั้ง 2 ชนิดคือ
1. ต้นทุน ซึ่ง pigment นั้นจะมีราคาถูกกว่าการ compound เพราะ การ compound ต้องผ่านขั้นตอน 1 ขั้นตอนคือการรีดตัดเป็นเม็ด
2. ความสม่ำเสมอของการผลิตในแต่ละครั้ง เนื่องจาก pigment นั้น มีลักษณะเป็นผง ในการชั่งแต่ละครั้งไม่สามารถควบคุมได้แม่นยำมากนัก เพราะอาจมีการฟุ้งกระจาย ของpigment ดังกล่าว ดังนั้นสีที่ได้อาจมีความเข้มอ่อนต่างกันในแต่ละครั้งที่ผลิต ซึ่งถ้าเทียบกับ compound การใช้ compound จะดีกว่า โดยคุณภาพของสีที่ได้นั้นถ้าไล่ลำดับจากมากไปน้อยคือ 1. Color compound 2. Color master batch 3. Pigment
3. การทำความสะอาดเครื่อง เนื่องจากการใช้ pigment นั้นเกดิการฟุ้งกระจายได้ ซึ่งทำให้ยากในการทำความสะอาด เมื่อเปลี่ยนสี เพราะต้องทำความสะอาดที่ hopper ด้วย
4. ข้อควรระวังในการใช้ master batch คือต้องเลือกหัวเชื้อ หรือ Base resin ให้เหมาะสมกับพลาสติกที่ใช้ เพราะมีผลต่อการกระจายตัวของสีในเนื้อพลาสติก และบางครั้งอาจมีผลต่อคุณสมบัติของพลาสติกได้
โดยสรุปคือ การเลือกใช้ pigment หรือ compound นั้นมีผลต่อ appearance หรือความสวยงามของสินค้าที่เราผลิต ถ้าหากต้องการความสวยงามสูงก็ควรใช้compound โดยต้นทุนการผลิตก็จะเพิ่มมากขึ้นตามด้วยเช่นกัน |